บท สวด มนต์ ข้าม ปี 54

สวดมนต์ข้ามปี

สวดมนต์ไหว้พระข้ามปี เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ซับซ้อน แถมยังให้อรรถประโยชน์ต่ออารมณ์และสุขภาพอีกด้วย คือ

1.ช่วยให้จิตเป็นฌาน เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น

2.เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์ไหว้พระโดยรู้คำแปล รู้เรื่อง ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้

3.เป็นการตัดความเอาเปรียบ เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสาธยายมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน

4.เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนและบริวาร

5.สามารถไล่ความขี้เกียจได้ เพราะขณะสาธยายมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่นขมีขมันขึ้น

6.เปรียบเสมือนการได้เฝ้ามุนินทร์ เพราะขณะนั้นผู้สวดมีกาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชาครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง

โดยสถานที่จัดสาธยายมนต์ข้ามปี มีดังนี้

กทม. : “สุขกายสุขใจ สวดมนต์ข้ามปี ทำดีร่วมกัน” ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ กรุงเทพมหานครชวนคนไทยร่วมสวดมนต์ข้ามปี “สุขกายสุขใจ สวดมนต์ข้ามปี ทำดีร่วมกัน” ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. 57 - 1 ม.ค. 58 เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่แบบไทย พร้อมก้าวเดินสู่พุทธศักราชใหม่ เริ่มต้นสิ่งดีๆ อย่างมีความสุขตลอดทั้งปี 2558

สถานที่สวดมนต์ข้ามปี 2558 อื่นๆ ในกรุงเทพมหานคร

-วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เชิญชวนชาวพุทธชมการถ่ายทอดสดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ร่วมทั้งพิธีเวียนเทียน พิธีอัญเชิญพระบรมสารีรีกธาตุ พร้อมร่วมส่งแรงศรัทธา สวดมนต์ไปพรัอมกันทั่วประเทศ โดยจะมีการเจริญพระพุทธมนต์ และร่วมอธิษฐานจิตก้าวเข้าสู่ปีใหม่พร้อมกันในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 22.00-00.30 น.

-วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. กำหนดการเจริญพระพุทธมนต์ สวดมนต์ไหว้พระข้ามปี ณ พระอุโบสถวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร วันที่ 31 ธันวาคม 2557-1 มกราคม 25 โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กล่าวสัมโมทนียกถา และเวลา 23.30 น. เจริญพระพุทธมนต์ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

-วัดสุทัศนเทพวราราม เชิญสวดมนต์ข้ามปี ในวันที่ 31 ธ.ค. 2557 ตั้งแต่ 18.00-24.00 น.

ขณะที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) มหาเถรสมาคม สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) รวมถึงภาคีเครือข่าย เชิญชวนสวดมนต์ข้ามปี สร้างบุญบารมีรับปี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 87 พรรษา ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2557 ณ บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

อยุธยา : สวดมนต์ข้ามปี วิถีไทย วิถีพุทธ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสำนักงานพระนครศรีอยุธยา เชิญร่วมสวดมนต์ข้ามปี วิธีไทย วิถีพุทธ ณ อุโบสถกลางน้ำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 18.30-24.30 น. ขอเชิญชวนชาวพุทธร่วมสาธยายมนต์ข้ามปีตามวัดต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมกับร่วมทำบุญตักบาตรในช่วงเช้าของวันที่ 1 มกราคม 2558 เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานจารีตดีงามของไทยให้คงอยู่คู่คนไทยตลอดไป

สวดมนต์ไหว้พระข้ามปี ชีวีสดใส จังหวัดเชียงใหม่ร่วมใจ เทิดไท้ราชันย์

คณะสงฆ์เชียงใหม่ ร่วมกับเชียงใหม่ สำนักงานศาสนาพุทธเชียงใหม่ และเทศบาล ขอเชิญชวนพุทธมามกะร่วมกิจกรรม “สาธยายมนต์ข้ามปี ชีวีสดใส เชียงใหม่ร่วมใจ เทิดไท้ราชันย์” วันที่ 31 ธันวาคม 2557-1 มกราคม 2558 ณ วัดใกล้บ้าน

3 กลอุบายเด็ด เพิ่มยอดขายช่วงเทศกาลสำคัญ ด้วยสื่อโฆษณา Facebook Retargeting

Facebook Retargeting

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงตั้งเเต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไปยาวจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า คือช่วงงานเทศกาลจับจ่ายใช้สอย เลือกซื้อของฝาก ของตกแต่งบ้าน เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขมากมาย เป็นต้นว่า

วันคริสมาสต์ วันเถลิงศก วันวาเลนไทน์ เลยไปถึงวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ ที่ควรมองหาวิธีการ ไม้เด็ดวิธีเพิ่มลูกค้าใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจตน

แต่การทำสื่อโฆษณากับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยรู้จักธุรกิจของเรามาก่อน ต้องใช้งบประมาณที่สูง เพื่อให้ผู้ซื้อเกิดความรู้จัก เกิดความมั่นใจ จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการทำโฆษณากับฐานลูกค้าเดิมของธุรกิจ ซึ่งเป็นคนที่รู้จักและรู้จักดีกับธุรกิจอยู่แล้ว หรือเคยเป็นลูกค้ามาก่อนแล้ว การจะทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ซื้อสินค้าจะทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ธุรกิจอาจใช้งบประมาณน้อยกว่ามากในการทำโฆษณา เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้รู้จักธุรกิจมาก่อน มีความศรัทธามาก่อน มีความต้องการอยู่แล้วบ้างไม่มากก็น้อย จึงต้องการการกระตุ้นในขั้นท้ายสุดเท่านั้นก่อนการตัดสินใจซื้อ

Facebook มีเครื่องมือในการทำสื่อโฆษณาที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดต่อกับกลุ่มโภคินที่รู้จัก หรือเคยซื้อสินค้ากับธุรกิจแล้วโดยตรง ที่เรียกว่า การทำ Retargeting ซึ่งการทำ Retargeting นี้ถือเป็นการทำโฆษณาบน Facebook ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดวิธีหนึ่ง โดยธุรกิจสามารถใช้กลวิธี การทำ Retargeting เพื่อสร้างยอดขายให้ธุรกิจได้ด้วยนานาประการวิธี แบบนี้

1. กลอุบายการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เคยรู้จักธุรกิจอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นลูกค้า
ผู้ซื้อกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่รู้จักธุรกิจอยู่แล้ว เช่น เคยเข้าชมWebsiteธุรกิจ (Website Visitor) โดยธุรกิจสามารถจดจำผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้จากการ ติดตั้งโค้ด Retargeting ในหน้าเพจต่างๆ บนเว็บไซต์ เช่น หน้าแรก, หน้าแสดงรายละเอียดสินค้าต่างๆ นอกจากนั้น ยังสามารถจดจำผู้ที่เข้ามากด Like Facebook Page ของธุรกิจอีกด้วย ซึ่งการทำ Retargeting ทำได้โดยการสร้างแคมเปญทางการตลาด ส่งสินค้าที่โดดเด่น น่าสนใจ กระตุ้นการจดจำ สร้างความผูกพันให้ธุรกิจอยู่ในใจของกลุ่มผู้บริโภคนี้ จนกระทั่งสามารถสร้างความต้องการ และปลงใจซื้อสินค้าในที่สุด หรือ สร้างให้เกิดการกลับมาหาธุรกิจเอง เมื่อโภคีเกิดความต้องการในสักวัน

ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าเคยมาเยี่ยมชมเว็บ หรือเป็น Fan ใน Facebook Fan Page ของร้านอาหาร เราสามารถ Retargeting เชิญชวนผู้บริโภคกลุ่มนั้นมาซื้อคูปองบุฟเฟต์ โดยส่งสื่อโฆษณาไปแสดงในพื้นที่ของ Facebook บน News Feed ของกลุ่มผู้ซื้อนี้ เพื่อชวนมาซื้อคูปองบุฟเฟ่ต์ทานอาหารกับครอบครัวหรือเพื่อนเพื่อสมโภชในช่วงเดือนธันวาคมหรือมกราคม

2. กุศโลบายการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่มีความสนใจในสินค้าบางรายการเฉพาะ หรือเคยสั่งซื้อสินค้ารายการนั้นๆ แต่ยังไม่ได้ชำระเงิน
ผู้เยี่ยมชมWebsiteที่เคยเข้ามาที่หน้าเว็บโปรดักส์บางรายการ หรือเคยสั่งซื้อแล้วแต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน แสดงให้เห็นว่าผู้นั้นมีความต้องการโปรดักส์ในระดับสูงมาก แต่อาจจะมีเหตุผลในอดีตที่ทำให้ยังไม่ซื้อ การสร้างแคมเปญมุ่งไปที่โปรดักส์รายการนั้นๆ แต่ให้ความคุ้มที่มากขึ้น เช่น ราคาพิเศษ หรือ โปรโมชั่น และส่งโฆษณาไปเฉพาะผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เฉพาะคนนั้น ๆ เพื่อเชิญชวนและกระตุ้นให้กลับมาซื้อสินค้าชิ้นนั้นอีกครั้ง เป็นทางเลือกที่นับว่าคุ้มค่าคุ้มเงินโฆษณาที่สุดอีกทางหนึ่งที่ธุรกิจไม่ควรพลาด

ยกตัวอย่างเช่น หากผู้บริโภคต้องการซื้อต้นคริสมาสต์สำหรับใช้ตกแต่งบ้าน แล้วเข้าไปในWebsiteเคยดูต้นคริสมาสต์แบบหนึ่ง แต่ยังไม่ได้วางเงิน หากเว็บไซต์มีการทำ Retargeting เมื่อผู้บริโภคเข้ามาที่ Facebook ของตนก็จะพบกับแบนเนอร์โฆษณาต้นคริสมาสต์ร้านนี้ปรากฏอยู่ในหน้า News Feed ในพื้นที่สื่อโฆษณา

3. สร้างการซื้อซ้ำ หรือการจับจ่ายเพิ่มจากผู้บริโภคเดิม
สำหรับลูกค้าที่เคยสั่งซื้อสินค้าไปแล้ว และธุรกิจก็มีฐานข้อมูลของผู้ใช้เหล่านั้น จัดเก็บไว้ในรูปแบบอีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ ธุรกิจก็สามารถนำมาทำ Retargeting เพื่อให้ผู้ซื้อเหล่านั้นมาซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชิ้นแรกที่ลูกค้าได้ซื้อไป หรือสินค้ารุ่นใหม่ ที่ใช้ร่วมกับสินค้าเดิม โอกาสในการเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น หากธุรกิจทำ Retargeting จับคู่สินค้าได้อย่างถูกต้อง วิถีทางนี้ทำได้ยากยิ่งนักสำหรับธุรกิจออฟไลน์ แต่การโฆษณาInternetผ่าน Facebook ทำให้เกิดขึ้นได้

ยกตัวอย่างเช่น กิจการขายกล้องออนไลน์ มีฐานลูกค้าที่ซื้อกล้องแต่ละรุ่นไปแล้ว โดยเก็บอีเมลผู้บริโภคกลุ่มนี้ไว้ ธุรกิจสามารถเชิญชวนลูกค้าที่ซื้อกล้องรุ่นหนึ่ง ๆ มาซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องและใช้งานร่วมกับกล้องรุ่นนั้นๆ โดยการทำ Retargeting ส่งสื่อโฆษณาไปยัง Facebook Newsfeed หรือเชิญชวนมาซื้อกล้องรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่าเดิมก็ได้เช่นกัน

ในเวลานี้ที่ผู้บริโภคสามารถแสวงหาข้อมูลของซื้อของขาย บริการ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทำให้เปรียบเทียบข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อนานมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต้องเผชิญกับต้นทุนในการปิดการค้าขายกับลูกค้าใหม่ที่สูงขึ้น เพราะต้องสร้างการรับรู้และความเชื่อถือกว่าจะนำไปสู่การสั่งซื้อของซื้อของขายได้ ดังนั้น อย่าลืมที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดกับฐานลูกค้าเดิมที่ธุรกิจมีอยู่แล้ว การทำโฆษณา Facebook Retargeting สู่ฐานผู้ซื้อเดิมของธุรกิจ นับว่า น่าศึกษา และคุ้มค่าที่สุด!

เรียงความโดย
นายบุรินทร์ เกล็ดมณี
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด

เที่ยวตะลอน ป่าสนสลับสี ป่าสนของประเทศสยาม

ป่าสนสลับสี
ราวป่าสน โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่

เมื่อลมเย็นเดินทางมาถึง ป่าสนของ อ.กัลยาณิวัฒนา อำเภอลำดับ 878 ของเมืองไทย จะเริ่มผลัดใบรับหน้าหนาวเปลี่ยนสีเขียวของป่าที่ได้รับน้ำตลอดพรรษฤดูให้เป็นสีสันงดงาม ไล่สีตั้งแต่เหลืองและน้ำตาลของต้นสนแดงและส้มของต้นเมเปิล ภาพที่เห็นคล้ายผืนผ้าใบไร้อาณาเขต ที่ถูกละเลงสีด้วยพู่กันธรรมชาติ และความที่แต่ละต้นมีการไล่ลำดับสีแตกต่างกัน ยิ่งทำให้ความวิจิตรของเฉดสียิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ สนสองใบและสนสามใบของที่นี่เป็นป่าสนธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดของสยาม

จากหมู่บ้านที่ต้องเผชิญความทุกข์ยากก่อนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงโปรดเกล้าให้พัฒนาจนกลายเป็น “โครงการหลวงหมู่บ้านวัดจันทร์” เพื่อสร้างการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นของราษฏรกระทั่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกในปัจจุบัน ไฮไลต์สำคัญคือ สัมผัสความอลังการของป่าสนใหญ่ที่สุดในสยามเพลิดเพลินเจริญใจกับหลากสีสันของใบไม้งามตามธรรมชาติ เช่น ใบเมเปิ้ลสีแดงส้ม ที่พร้อมใจผลัดใบในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี ใกล้กันมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่หากมาเยือนในยามเช้าจะได้ยลสายหมอกแห่งความเย็นจับกลุ่มลอยฟุ้งเหนือผิวน้ำ ปกคลุมทิวสนจนกลายเป็นวิวสุดบรรเจิดและยังมีจักรยานให้ปั่นประทับใจอากาศบริสุทธิ์, เดินศึกษาป่าสนหรือคลุกคลีไมตรีจิตจากประชาชนปากะญอได้ตามอัธยาศัย

การสัญจร จากเชียงใหม่มุ่งตรงสู่อ.แม่ริม เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1095 ที่มุ่งหน้าสู่อ.ปายก่อนเข้าอ.ปายประมาณ 13 กิโลจะมีทางแยกซ้ายเข้าถนนหมายเลข 1265 ไปอีกประมาณ 40 กิโลทางค่อนข้างคดเคี้ยวแต่เป็นถนนลาดยางตลอดทางมีรถเมล์สองแถวสีเหลือง (เชียงใหม่-สะเมิง-วัดจันทร์) ทุกวันจากสถานีขนส่งช้างเผือกอ.เมืองเชียงใหม่หรือสามารถเลือกต่อรถจากอ.ปายจ.แม่ฮ่องสอนแต่ควรตรวจสอบเวลารถก่อนท่องเที่ยว